10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ เที่ยวสบายๆ สไตล์คนกรุง

กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เป็นสวรรค์ของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายให้ได้สนุกเพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่ งานไทยเที่ยวไทยขอพาไปชิลกับ 10 ที่เที่ยวกรุงเทพแบบสบายๆ สไตล์คนกรุง

1. ตลาดนัดสวนจตุจักร เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ในเขตจตุจักร แบ่งเป็น 27 โครงการ มีจำนวนแผงค้าปลีกกว่า 8,000 แผง จัดจำหน่ายสินค้า 8 ประเภท ได้แก่ ผักผลไม้ เสื้อผ้า สัตว์เลี้ยง อาหาร และเบ็ดเตล็ด นอกจากนี้ ตลาดนัดสวนจุตจักรยังเป็นแหล่งร้านค้าพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สำหรับคนที่ชอบของเก่าของหายาก รับรองได้ว่าหากมาที่นี่ คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะตลาดนัดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของเก่า ของสะสม และหนังสือเก่าหายาก แต่ใครที่ชอบเดินตลาดในบรรยากาศเย็นสบาย ควรแวะมาตลาดจตุจักรกลางคืน ซึ่งเปิดทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป รับรองได้ว่าทุกคนที่มาที่นี่จะต้องสนุกสนานกับการจับจ่ายซื้อของ

2. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน เป็นเรือนไทยของอดีตนายทหารอเมริกัน เจมส์ เอช. ดับเบิลยู. ทอมป์สัน ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไหมไทย มีเรือนไทยไม้สัก 6 หลัง ประกอบกันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่มีการจัดแสดงสิ่งของโบราณ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิจิม ทอมป์สัน บริเวณด้านหน้าสุดเป็นพื้นที่รับรองนักท่องเที่ยวที่มา ในรูปแบบของร้านอาหาร “จิมทอมป์สันเรสเตอรองท์แอนด์ไวน์บาร์” ( Jim Thompson Restaurant and Wine Bar) ภายในมีห้องซึ่งจัดแบบไทย มีเครื่องเรือน สวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงของสะสมของมิสเตอร์จิม มีทั้งศิลปวัตถุจำพวกเครื่องกระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกระเบื้องจีน มีอายุตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องลายครามที่ส่งออกในสมัยราชวงศ์หมิง หลายชิ้นได้มาจากอยุธยาเป็นของที่ส่งมาจากเมืองจีนระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15- 17 เครื่องเคลือบลพบุรี- เขมร ทำในบริเวณอาณาจักร ลพบุรีในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เครื่องสุโขทัยและสวรรคโลก เครื่องกระเบื้องของไทยที่ผลิตใน คริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 เครื่องเบญจรงค์และเครื่องเคลือบลายน้ำทอง เขียนลายไทย ศิลปะสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 พระวรกายของพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยทวาราวดี “พระแผง”โบราณขนาดใหญ่ ทำมาจากดินเผาประดับด้วยกระจกสี บรรจุพระไว้ถึง 450 องค์ นอกจากนี้ ยังมีภาพจิตรกรรมโบราณจำนวนมาก ส่วนใหญ่มีเนื้อหาเชิงพุทธศาสนา รวมถึงชุดผ้าพระบฏสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 อีกด้วย

3. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ถนนเจริญกรุง แหล่งชอปปิ้งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยดัดแปลงคลังสินค้าท่าเรือเดิมของ บริษัท อีสท์ เอเชียติก รูปแบบโครงสร้างสไตล์โคโลเนียลตามวัฒนธรรมในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในพื้นที่มี 7 สิ่งมหัศจรรย์ ได้แก่ หลุมหลบภัยสมัยสงครามโลก รถรางโบราณ โรงเลื่อยเก่า เครนโรงเลื่อย ซุ้มโค้งโกดังอายุ 100 กว่าปี ท่าเรือประวัติศาสตร์ และเครนแยกของริมน้ำ และมีเครื่องเล่นสมัยใหม่ ชิงช้าสวรรค์ (Asiatique Sky) ความสูง 60 เมตร นั่งชมทิวทัศน์โดยรอบ เปิดทุกวันในช่วงเย็น เวลา 16.00-24.00 น.

4. ตลาดวังหลัง ศิริราช เป็นสถานที่เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย นานมาหลายต่อหลายรุ่น ที่มาของชื่อเรียกติดปากว่า “วังหลัง” นั้น เพราะว่าแต่เดิมแล้วบริเวณที่ตั้งส่วนหนึ่งของตลาดในปัจจุบันคือ พระราชวังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถัดจากวังหลังลงไปทางวัดระฆังฯ เป็นตำบลสวนมังคุด ซึ่งมีวังที่ประทับเดิมของสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี และยังมีร่องรอยแนวกำแพงอิฐเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีให้เห็นอยู่บ้าง ปัจจุบันวังเก่าแห่งนี้ แปรเปลี่ยนเป็นตลาดนัดและสตรีทฟู้ดที่มีของมากมายหลายหลากตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ (แอดมินชอบไปที่นี่มาก ^^)

5. เยาวราช เป็นชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยชาวจีนมาค้าขายกับคนไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่รอบๆ ท่าเรือราชวงศ์ ในขณะที่การก่อสร้างถนนเยาวราชยังไม่เริ่มขึ้น จนกระทั่งได้มีการสร้างถนนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อส่งเสริมการค้าขาย และได้โปรดเกล้าพระราชทานนามว่า “ถนนเยาวราช” ปัจจุบัน เยาวราช ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักชิมทั้งหลาย เพราะเยาวราชในเวลากลางวันนั้นมองไปจะเจอแต่ร้านทอง ร้านขายสมุนไพรจีน ผลไม้ และร้านอาหารจีน แต่ถ้าไปเยือนเยาวราชหลังพระอาทิตย์ตกดิน ถนนเยาวราชจะกลายเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม เพราะสองข้างถนนจะเต็มไปด้วยร้านอาหารสารพัด ทั้งอาหารจีน ซีฟู้ด รวมถึงขนมหวานและเครื่องดื่ม

6. ถนนข้าวสาร เดิมทีบริเวณนี้เป็นย่านการค้าขายข้าวสารที่เจริญรุ่งเรืองมากในสมัย ร.6 แต่ในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะมีที่พักประเภทเกสต์เฮาส์จำนวนมาก จึงสะดวกเรื่องที่พัก ในส่วนของทำเลก็ถือว่าดีมาก อยู่ใจกลางเมือง ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง อย่างวัดพระแก้ว วัดบวรฯ วัดสระเกศ วัดราชนัดดา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ใกล้แหล่งชอปปิงอย่างบางลำพู ท่าพระจันทร์ ถนนพระอาทิตย์ และใกล้กับสวนสันติชัยปราการอีกด้วย เสน่ห์ของถนนข้าวสารที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจก็คือ ในยามค่ำคืน ถนนข้าวสารจะเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารนานาชาติ ทั้งที่เป็นร้านประจำและร้านที่ขายริมถนน ชาวต่างชาติได้ลองลิ้มชิมรสอาหารไทยต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีร้านสำหรับนั่งฟังเพลงอีกหลายร้าน รวมถึงร้านขายสินค้านานาชนิด ร้านรับบริการต่าง ๆ ถนนข้าวสาร จึงเป็นแหล่งสังสรรค์ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรุงเทพฯ

7. ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่รวมรวมการจัดแสดงงานศิลปวัฒนธรรมทุกสาขา ทุกแขนง รวมทั้งศิลปกรรมร่วมสมัย ทั้งในประเทศและนานาชาติ ท้องถิ่นหรือบุคคล เสมือนจุดนัดพบของคนรักศิลปะ มีกิจกรรมด้านศิลปะมากมาย นิทรรศการหมุนเวียน ดนตรี กวี ละคร ภาพยนตร์ เสวนา และวรรณกรรม ภายในหอศิลปฯ ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ ส่วนนิทรรศการหลักตั้งอยู่บนชั้น 7, 8, 9 มักใช้จัดแสดงงานนิทรรศการขนาดใหญ่ ซึ่งหอศิลปฯ เป็นผู้ริเริ่มขึ้นเองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนิทรรศการย่อย กิจกรรมศิลปะ ร้านค้า และห้องสมุด ประกอบไปด้วยพื้นที่หลากหลายชั้น การเดินเยี่ยมชมที่นี่สำหรับผู้มีเวลา ควรจะเดินไล่จากชั้นล่างสุดขึ้นไปยังชั้นบน แต่สำหรับผู้มีเวลาไม่มาก สามารถขึ้นลิฟต์ไปเริ่มต้นที่ชั้น 5 แล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชมนิทรรศการหลักที่ชั้น 7, 8, 9 หรือต่อลิฟท์อีกตัวขึ้นไปได้เลย

8. ท้องฟ้าจำลอง เด็กมาได้ ผู้ใหญ่มาดี เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2507 ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ และถือเป็นแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบ “เรียนให้สนุกและเล่นให้เกิดความรู้” เช่น การจัดนิทรรศการ บรรยายความรู้สาขาต่างๆ ของวิชาวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น ไดโนเสาร์ในยุคดึกดำบรรพ์ สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ภูมิศาสตร์ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ กิจกรรมการเรียนผ่านนิทรรศการ การบรรยายสาธิตต่างๆ

9. ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง สูดออกซิเจนให้เต็มปอดกับพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ ที่โครงการป่าในกรุง จัดทำโดยสถาบันปลูกป่า ปตท. ที่ตั้งใจสร้างแหล่งเรียนรู้ป่านิเวศและปอดแห่งใหม่ให้คนเมือง ชื่นชมทัศนียภาพของธรรมชาติสีเขียวบนทางเดินลอยฟ้าแล้ว ยังมีหอคอยชมวิวที่เป็นดาวเด่นของที่นี่ หากใครมีแรงสามารถเดินขึ้นไปชั้นบนสุดเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา รอบโครงการป่าในกรุงได้อีกด้วย ใครอยากสูดออกซิเจนให้เต็มปอดต้องลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง

10. ตลาดน้ำตลิ่งชัน หรือรู้จักกันดีในชื่อว่า “คลองชักพระ” ตั้งอยู่บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน โดดเด่นกับสินค้าที่ไม่เหมือนใคร เพราะชาวสวนในพื้นที่ผลิตขายเองกับมือ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้ ผักสด ผลไม้ ปลา และอาหารต่าง ๆ โดยจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลเป็นสำคัญ ที่น่าสนใจคือตลาดน้ำแห่งนี้ยังคงวิถีชีวิตความเป็นชาวสวนริมคลอง ไว้ได้อย่างงดงาม ทั้งพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและผักผลไม้ทั้งบนโป๊ะและในคลอง มีขนมไทยที่หาทานได้ยากให้ชิม นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมฝีมือดีจากภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงของดีฝั่งธนให้เลือกซื้อกันได้ไม่มีเบื่อ รวมทั้งจุดเด่นของที่นี่คือมีกิจกรรมให้เลือกมากมาย อาทิ ท่องเที่ยวทางน้ำโดยการนั่งเรือหางยาวสัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติของสองฟากฝั่งคลองตลิ่งชัน เที่ยวไปตามตลาดน้ำใกล้เคียงอย่างตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำวัดบางสะพาน ซึ่งมีเพียงวันละรอบเท่านั้น ส่วนใครที่ชื่นชอบความสวยงามและหลงใหลในเสน่ห์ของดอกกล้วยไม้ ที่นี่ก็มีทัวร์กล้วยไม้ ไหว้พระ ชมตลาด และโปรแกรมกุศล พาทำบุญวัดเกาะ ไหว้หลวงพ่อดำที่มีความเก่าแก่ยาวนานกว่า 312 ปี ไหว้พระพุทธรูปทรายสมัยกรุงศรีอยุธยา และแวะให้อาหารปลาที่วัดปากน้ำฝั่งใต้ หรืออยากตื่นเต้นกับโปรแกรมทัวร์สวนงูธนบุรี พบการแสดงของคนกับงูก็เลือกได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีรสชาติอร่อยบนแพริมน้ำคอยให้บริการ เรียกได้ว่ามาที่เดียวสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติและวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิมของไทย พร้อมอาหารอร่อย และช็อปปิ้งแบบถูกใจสบายอารมณ์

ขอบคุณ : ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)